ตอตะเคียนพันปี ผุดขึ้นเมืองช้าง ชาวบ้านแห่ส่องเลข หวังถล่มงวดนี้






คนสุรินทร์แห่ไปท่าแคน หลังขุดพบ "ตอตะเคียนพันปี" ริมตลิ่งแม่น้ำ รวม 7 ต้น ยาวกว่า 24 ศอก ทำพิธีบูชา-อันเชิญเจ้าพ่อเจ้าแม่ ไม่พลาดส่องเลขเด็ด

เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ ได้ลงพื้นที่บ้านกุดจับ หมู่ 9 ต.หนองบัว อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ พบกลุ่มชาวบ้านหลั่งไหลมาที่บริเวณโครงการจ้างเหมาขุดลอกบำรุงรักษาแม่น้ำสาขาหลักและแม่น้ำสาขา ท้ายหมู่บ้านบ้านกุดจับ นำธูปเทียนพวงมาลัยชุดไทยมาถวายตอไม้ตะเคียนเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยพบมา

สำหรับตอตะเคียนที่ค้นพบนั้น มีทั้งสิ้น 7 ต้น แต่ละต้นมีความยาวประมาณ 24 ศอก เส้นรอบวงแต่ละต้นประมาณ 242 เซนติเมตร กระทั่งช่วงค่ำ ชาวบ้านกว่า 200 คน ได้พากันนำดอกไม้ ธูปเทียน โสร่ง ผ้าขาวม้า และผ้าสไปสีเขียว มาถวาย พร้อมร่วมกันทำพิธีกรรมศักดิ์ ตามความเชื่อของชาวบ้าน ด้วยการนำก้านกล้วย มาทำบันได 9 ชั้น เพื่ออัญเชิญดวงวิญาณ เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ตะเคียนทอง และบริวารขึ้นมาจากแม่น้ำมูล

ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ตั้งใจมาขอหวยเพียงอย่างเดียว ชนิดมืดฟ้ามัวดิน เพื่อลุ้นโชคหวังถล่มกองสลากฯ ที่จะมีการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ ต่างพากันบนบานศาลกล่าวหากมีโชคลาภจะมาอันเชิญไปไว้ที่วัดภายในหมู่บ้าน
 
นายวิชัย กะการดี อายุ 63 ปี กล่าวว่า ชาวบ้านมีความรู้สึกห่วงแหน ถือว่าเป็นมรดกล้ำค่าของชาวบ้านที่นี่ ท่าน้ำฝั่งตรงข้าม เรียกว่า ท่าแคน หรือภาษาอีสานเรียกว่า ไม้แคน หรือ ต้นตะเคียน มีความเชื่อมั่นว่า เป็นไม้มงคล เป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่คู่บ้านคู่เมือง รักษาหมู่บ้าน ในความรู้สึกของปราญ์ชาวบ้านก็ดี 

จากการพูดคุยเกับชาวบ้าน หลายคนต้องการให้อนุรักษ์ต้นตะเคียนทั้งหมด เคลื่อนย้ายเอาไปไว้ภายในวัดอัมพวาริน คาดว่าต้นตะเคียนมีที่มาหลายพันปี เคยได้ยินแต่ชื่อว่า ท่าแคน ชาวบ้านที่นี่จะเห็นต้นตะเคียนหรือต้นแคน ผุดจากลำน้ำมูลเป็นต้นเล็กขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีสิ่งมหัศจรรย์พบต้นตะเคียนขนาดใหญ่รายล้อมเช่นนี้ หลังรถแบ็คโฮขุดหน้าดินลึกกว่า 3 เมตร
 
อย่างไรก็ตาม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ชาวบ้านที่ได้ข่าวก็ชวนกัน ให้นำร่างทรง มาประกอบพิธีบวงสรวงจัดเครื่องเซ่นไหว้ผลไม้ โดยคนทรงแจ้งว่าเจ้าแม่ตะเคียนมาประทับทรง เป็นตอตะเคียนอายุกว่าพันปี และมีการประกอบพิธีทุกค่ำคืน ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่ลุ้นเลขของชาวบ้านที่ทยอยเดินทางมาดูกันจำนวนมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา

ที่มา.sanook.com